AQ ทุ่มงบ 176 ล้าน ซื้อ”วิลล่า นครินทร์” เพิ่มศักยภาพกำไร

คาดคืนทุนใน 2.5 ปี เชื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และศักยภาพในการทำกำไร

[vc_row][vc_column][vc_column_text]AQ ไฟเขียวซื้อหุ้น “วิลล่า นครินทร์” มูลค่า 176.56 ล้านบาท คาดคืนทุนใน 2.5 ปี เชื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และศักยภาพในการทำกำไร

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือAQ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 26 ก.ย.57 มีมติอนุมัติให้บริษัทซื้อหุ้นบริษัท วิลล่า นครินทร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,700,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 100% ในราคาหุ้นละ 45.964 บาท รวมเป็น 124.104 ล้านบาท และการจ่ายชำระเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นอีก52.496 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจ่ายชำระเป็นเงิน 176.56 ล้านบาท

โดยการเข้าลงทุนในบริษัท วิลล่า นครินทร์ จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ดังกล่าว 2,700,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นล้ะ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 45.95 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 124.064 ล้านบาท โดยจะชำระด้วยเงินสดให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นของ บริษัทวิลล่า นครินทร์ จำกัด ซึ่งบริษัทจะมีการชำระเงินและได้รับการโอนหุ้นภายในเดือน ต.ต.57

สำหรับเกณฑ์การพิจารณามูลค่าสิ่งตอบแทน บริษัทได้อ้างอิงจากฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 57 ของบริษัท วิลล่า นครินทร์ จำกัด คือมูลค่าตามบัญชี ( Book Value) เท่ากับ 259.11 ล้านบาท คิดเป็น 95.94 บาทต่อหุ้น และวิธีปรับมูลค่าตามบัญชี (Adjusted Book Value) เท่ากับ 231.104 ล้านบาท โดยราคาหุ้นที่บริษัทจะซื้อจากบริษัท ดังกล่าว มูลค่า 124.064 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีและมูลค่าทางบัญชีที่ปรับปรุงแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาการเช้าลงทุนในบริษัทดังกล่าว จะมีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ประมาณ 19.76 % และมีระยะเวลาการคืนทุน(Pay –Back Period) ประมาณ 2.5 ปี ทั้งนี้ภายหลังการเข้าลงทุนโดยถือหุ้น 100% ที่ชำระแล้ว บริษัท วิลล่า นครินทร์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทย่อยของ AQ จะดำเนินโครงการ P9 Residences ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 132 หลัง เพียงอย่างเดียว พื้นที่โครงการ 28 ไร่ 2 ตารางวา มูลค่าโครงการ 1,117 ล้านบาท

ทั้งนี้ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและศักยภาพในการทำกำไรของบริษัท ดังนี้ 1.การเพิ่มรายได้จากการขยายการดำเนินธุรกิจ 2.เพิ่มรายได้และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท 3.ลดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ทำให้รับรู้รายได้และกำไรได้เร็วขึ้น และ 4.ประหยัดต้นทุนโครงการ เช่น ค่าใช้จ่ายในการโอนที่ดิน โดยแหล่งเงินทุนที่มาจากการเพิ่มทุนและกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]